งานกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร

งานกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร
งานประเพณีกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติหลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี โดย สังเขป

ย้อนไปเมื่อ ๑๑๓ ปี ที่แล้ว ตรงกับวันที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๔๓ วันเสาร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด มีผู้มีบุญบารมีได้อุบัติขึ้นในโลกใบนี้ ณ บ้านท่าสี ต.บลเกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
มีนาม ว่า "ทองมา" ซึ่งต่อมาก็คือ พระอริยะเจ้า หลวงปู่ทองมา ถาวโร ในปัจจุบันนั่นเอง...

หลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตั้งแต่เป็นสามเณร ตอนอายุได้เพียง ๑๖ ปี ท่านเป็นสามเณรที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างมาก ท่านเรียน สวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง และสวดมนต์ใหญ่ จนจบ และได้เรียนอักขระธรรม จากนั้นได้เดินทางไปเรียนมูลกัจจายน์ที่อุบลราชธนี รวมทั้งเรียนวิชาที่สำคัญจำเป็นต่างๆ สามเณรทองมา เป็นสามเณรที่เคารพเชื่อฟังผู้เป็นอาจารย์อย่างยิ่ง จนเป็นที่รักของอาจารย์และญาติโยมทั่วไป ...

ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๓ ครบอายุ ๒o ปีหลวงปู่ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดท่าม่วง ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พระครูสีลาจารวิสุทธ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

และหลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาาัมพุทธเจ้า ควบคู่กับการปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วหลวงปู่จึงได้ออกเดินทาง ธุดงค์ ไปศึกษา ร่ำเรียน วิชา จากสำนักต่างๆ และระหว่างการเดินธุดงค์ หลวงปู่ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของพระอริยะเจ้าอีกหลายรูป คือ "หลวงปู่มั่น ภูริทัติโต" ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว และได้เดินธุ์ดงค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ของ "สมเด็จลุน" แขวงจำปาศักดิ์ประเทศลาว หลังจากนั้นก็เดินทางกลับท่านก็ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของ"หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร" อีกด้วย

การเดิน ธุดงค์ ของหลวงปู่ไม่ได้ เดินธุดงค์ภายในประเทศเพียงเท่านั้น หลวงปู่ยังเดินธุงค์ไปทั่วทุกทิศ เช่น ในไทย ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศเขมร ประเทศเวียดนาม และที่สำคัญหลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปยังดินแดนพุทธภูมิ นั้นคือ ประเทศอินเดีย นั่นเอง

ในระหว่างการเดินธุดงค์หลวงปู่ได้ผจญ กับอันตรายต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายต่างๆนา เช่น เสือ งู และช้างป่า จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ด้วยชีวิตอุทิศให้พระธรรมแล้วไซร์ จะตายก็ขอตายเพื่อพุทธะธรรม (หลวงปู่ปารภ) ตลอดการเดินธุดงค์ของหลวงปู่หลวงปู่ ก็ตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
หลวงปู่ทรงโปรด ผู้คนในป่าเขาเลาเนาไพร ให้หันมานับถือพระรัตนตรัย เทศนาสั่งสอนเทวามิจฉาทิฐิ โปรดภูตผี ปีสาจ วิญญาณสัมพเวสี ให้รู้แจ้งในธรรม...มากมาย หลวงปู่มีเพียง"ธรรมาวุธ"
และจิตที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย อันเป็นสิ่งเดียวที่หลวงปู่ ยึดถือเอา

จากนั้นหลวงปู่ก็ได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่ จังหวัดร้อยเอ็ด
รวมเวลาที่หลวงปู่ ท่องเที่ยวธุดงค์ในวิเวก ป่าเขาลำเนาไพร ก็ประมาณ ๑o กว่าปี และหลวงปู่ได้นำพาชาวบ้าน ในการพัฒนาวัดวาอาราม สร้างโบสถ์วิหาร เทศนาให้ชาวบ้านให้หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ห้ามนับถือผี สาง นางไม้ ช่วยผู้คนที่มีทุกข์
เช่น คนที่โดน ผีเจ้าเข้าสิง ผีบอป ผีกองกอย หลวงปู่โปรดพวกผีเหล่านี้โดยใช้ "ธรรมะ"
รวมทั้งรักษาคนบ้า คนวิกลจริต ทั้งที่โดน คุณไสย์ มนต์ดำ หรือ บ้าเพราะความเครียด หลวงปู่ก็ช่วยพวกเขาเหล่านั้น ด้วยความเมตา ไม่เลือกคนรวยคนจน ไม่เลือกปฎิบัติ ...

หลวงปู่พูดอยู่เสมอว่า " เฮาเป็นคนของชาวบ้าน "เขามีทุกข์เขาจึงมาขอให้เฮาช่วย


ในบั้นปลายชีวิต ที่ท่านล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ร่างกายของหลวงปู่ในวัยชรานั้นอ่อนแรงมาก หลวงปู่ผอมมากอย่างเห็นได้ชัดเจนไม่เหมือนเก่า จะลุกจะเดินเหินไปไหนก็ยากลำบาก บางครั้งท่านต้องนั่งรถเข็น และบางครั้งลูกหลานทั้งหลายต้องช่วยประคองพยุงกายช่วยท่านหลวงปู่ อยู่เสมอๆ และหลวงปู่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินเหินไปมา หลายครั้งที่คิดอยู่เสมอว่า ทำไม...หลวงปู่เพิ่นจึงไม่พักบ้างนะ อายุก็หลายแล้ว ทุกๆมื้อเพิ่นจะนั่งอยู่บนกุฏิไม้เก่าๆ คอยโปรดญาติโยมที่แวะเวียนมากราบนมัสการท่านอยู่เสมอๆ ซึ่งมีมาทุกมื้อทุกวันบ่ขาดสายเลย บ่อขาดสักมื้อเดียว
นับวันก็ยิ่งแต่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในวัย ๘0 กว่าปีผู้คนทั้งหลาย ทั่วแคล้วแดนอิสาน หลั่งไหลทวีคูณเข้ามาเหมือนสายน้ำ มากราบสักการะขอพรเพิ่นมากกว่าแต่เดิม

แต่ หลวงปู่ของหมู่เฮา...เพิ่นก็ไม่เคยเบื่อไม่เคยหนีไปไส สมกับที่เพิ่นเคยบอกไว้ว่าอยู่เสมอ "ว่าเพิ่นเป็นคนของชาวบ้าน" จริงๆ

"โพ่นล่ะหลังจากญาติโยมเมือกลับหมดแล้ว ตอนค่ำๆ ท่านจึงค่อยไปสรงน้ำทำกิจวัตรส่วนตัว ไหว้พระสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา...

หลวงปู่ทองมา ถาวโรเป็น พระอริยะเจ้า ที่น่าเคารพ นับถือ น่ากราบไหว้ อย่างยิ่ง สมควรแล้วที่ชาวบ้าน เรียกเพิ่นว่า พระนักบุญ "พระโพธิสัตว์มาโปรด"

หลวงปู่ทองมา ละสังขาร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๔ รวมอายุ ๙๑ ปี ๗๔ พรรษา

สาธุการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร