งานกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร

งานกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร
งานประเพณีกราบนมัสการ หลวงปู่ทองมา ถาวโร

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปาฏิหารย์หลวงปู่ทองมา ตอน "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว"

ปาฏิหารย์หลวงปู่ทองมา ตอน "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว"

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อหลายปีที่แล้ว มีชาวบ้านประมาณ 4-5 คน นัดกันจะไปยิงนก หนึ่งในนั้นมีชายที่เป็น ใบ้ ไปยิงนกด้วย แถวนั้นจะเป็นหนองน้ำ มีน้ำขังบ้าง เป็นดินบ้าง และจะมีพุ่มไม้ สูงบ้างเตี้ยบ้าง สลับกันไป ซึ่งคงจะเป็นที่หากินเหยื่อของนกบางชนิด หลังจากแบ่งทีมสไนเปอร์(มือปืน)ได้ลงตัว ก็แบ่งกันไปคนละทิศ ชายคนที่เป็นใบ้กับเพื่อนไปอีกทิศหนึ่ง ซึ่งทันทีที่เห็นนกอยู่ในพุ่มไม้แล้วนั้น ทั้งสองคู่หูก็ส่งสัญญาณให้อีกคนอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งของพุ่มไม้ กะว่าถ้าใครเจอนกในระยะที่มองเห็นชัดก็ให้จัดการ ลั่นไก ได้ทันที ทั้งสองก็ค่อยๆสอดแนมไปมา อ้อมไปวนมาสักพัก เพื่อนคนหนึ่งที่พูดได้เห็นว่า ระยะนี้มองเห็นนกได้ชัดเจน จึงไม่ได้ลังเล กดลั่นไก ด้วยปืนแก๊ป เสียงดังสะนั่น กระสุนปืนที่มีลูกตะกั่ว นับสิบๆลูก พุ่งทะยานเข้าสู่พุ่มไม้ เสร็จกูแน่ นกตัวนี้( เขาคิดในใจ )เพื่อนๆที่มาด้วยกันพากันต่างลุ้นว่าจะยิงโดนไหมนะ แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ขณะที่ชายคนที่ลั่นไกปืนอยู่นั้น นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนที่เป็นใบ้ได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงได้รีบวิ่งไปดู ถึงกลับผงะ ด้วยความตกใจตกใจ เพราะเห็นเพื่อนที่เป็นใบ้ นอนหงายท้อง พะงาบๆ แทบจะเป็นลม เสื้อขาดเป็นรู กระสุนตะกั่ว นับสิบนัด เพื่อนๆที่เหลือรีบวิ่งมาดู ช่วยกันปฐมพยาบาล เป่าน้ำ และเรียกสติคืนกลับมา เพราะมีอาการจุก และช็อค กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนๆได้ถอดเสื้อเขาออกดูบาดแผล ปรากฏว่า ที่ลำตัวมีรอยจุดแดงๆ เป็นจ้ำๆ เพียงเท่านั้น แต่ที่ เอว ของเขาคาดตะกรุดของ หลวงปู่ทองมา ถาวโร ...

อุทาหรณ์ จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกนั้นถึงตัว การฆ่าสัตว์เป็น ปาณาติบาต ผิดศีลข้อที่ ๑...

สาธุ สาธุ สาธุ

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พระคาถาหลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด

สาธุ สาธุ สาธุ

พระพุทธเจ้าอยู่เทิงหัว รักษาผู้ข้า
พระธรรมเจ้าอยู่เทิงหัว รักษาผู้ข้า 
พระสังฆเจ้าอยู่เทิงหัว รักษาผู้ข้า
พุทโธ ธรรมโม สังโฆ 
อิสะวาสุ สุสะวาอิ อิกะวิติ ติวิกะอิ 
มะอะอุ อุมะอะ จะทองมา จะคำมา
จะเงินมา จะถาวโรติ.

ขออาราธนาบารมีดวงธรรมแก้วอันประเสริฐ ของหลวงปู่ทองมา ถาวโร จงปกปักฮักษาเราท่านทั้งหลาย ให้ถึงพร้อมด้วย อายุ วรรโณ สุขัง พลัง ฯ เทอญ


พระคาถาหลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557


น้ำพระพุทธมนต์ หรือชาวบ้านมักเรียกสั้นๆว่า "น้ำมนต์" เป็นน้ำศักดิ์สิทธ์ ที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงปู่ทองมา ถาวโร สมัยนั้นจะมีโอ่งมังกร ตั้งอยู่บนกุฏีของหลวงปู่ (ดังภาพ) ญาติโยมที่มากราบนมัสการหลวงปู่ หรือมาทำบุญที่วัด มักจะนำขวดหรือนำภาชนะ มาใส่น้ำมนต์กลับบ้าน ไปให้ลูกให้หลานได้ดื่มกิน หรือไปพรมบนหัว เพื่อความเป็นสิริมงคล

ว่ากันว่า น้ำมนต์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร มีความศักดิ์สิทธ์ยิ่งนัก ผู้ใดได้ดื่มกินหรือได้พรมบนศรีษะ จะปัดเป่าเสนียดจัญไรออกไปหมด ผู้ใดโดนผีเจ้าเข้าสิง ถ้าได้ดื่ม หรือ โดนน้ำมนต์หลวงปู่ราดแล้วหายจากอาการทันที ความอัศจรรย์ของน้าพุทธมนต์ของหลวงปู่มีพลังวิเศษที่หลวงปู่ได้ปลุกเสกทุกวัน ทุกคืน ดังนั้นจึงมีญาติโยมมาขอน้ำมนต์ของหลวงปู่อยู่ทุกวัน วิธีการขอก็ไม่ยากหลวงปู่จะตั้งโอ่งน้ำอยู่บนกุฏิ หากใครจะอยากได้ก็มาตักเอาไปได้เลยไม่เสียเงินสักบาท แต่โดยปฏิบัติแล้วชาวบ้านก็จะเก็บดอกไม้ไปด้วยทุกครั้ง พอไปถึงก็จะกราบหลวงปู่ และบอกว่ามาขอน้ำมนต์ แต่ถ้าวันไหนหลวงปู่ไม่อยู่ชาวบ้านก็จะวางดอกไม้ตรงถาดวางและกราบพระ และกล่าวคำว่าขออนุญาติเอาน้ำมนต์หลวงปู่ไปทำอย่างโน้น อย่างนี้ เสร็จแล้วก็ไปตักเอาได้เลย

ทุกวันนี้ยังมีน้ำพุทธมนต์ของหลวงปู่ทองมา อยู่ แต่ไม่ทันหลวงปู่ทองมาเสก ตั้งอยู่บนกุฏีของอดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสีหลวงปู่ทองสุข อยู่ข้างหน้ารูปวาดหลวงปู่ทองมาถาวโร มีอยู่ครั้งหนึ่ง ประมาณปี 2554 ที่มีพ่อค้าขายของต่างถิ่น มาขายของในวัด ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ตักน้ำจากถัง ที่เป็นน้ำพุทธมนต์ ไปล้างมือ เขาเล่าว่าคืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับเลย กระสับกระส่าย พอหลับตาก็ฝันเห็นแต่หลวงปู่ วันต่อมาเลยเดินทางมาขอขมาหลวงปู่ ถึงที่วัดสว่างท่าสี นี้แหละถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่นั้นเป็นเพียงสังขารที่สลายไป แต่คุณงามความดี และบารมีธรรม ความศักดิ์สิทธ์ของหลวงปู่ท่าน ยังคงมีอยู่เท่าทุกวันนี้

สาธุการพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประวัติ หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ด โดยสังเขป


เฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/LuangpuThongmaTawaro101

ย้อนไปเมื่อ ๑๑๔ ปี ที่แล้ว ตรงกับวันที่ ๘ สิงหาคม 
พุทธศักราช ๒๔๔๓ วันเสาร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด

เด็กชายทองมา ได้ถือกำเนิดที่บ้านท่าสี จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายแก่นท้าว มารดาชื่อ นางทา(หา) บิดามารดาของท่านเป็นชาวลาว ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด ๗ คน หลวงปู่ทองมา เป็นบุตรคนที่ ๒ ตอนเป็นเด็ก เด็กชายทองมา ก็มีนิสัยเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่ชอบเข้าวัด ช่วยหลวงพ่อกวาดใบไม้ ถูศาลาเป็นประจำ จนเป็นที่รักของพระสงฆ์ในวัด นิสัยอย่างหนึ่งคือเป็นเด็กที่กลัวผี และจะมาอ้อนวอนให้หลวงพ่อที่วัดช่วยสอนวิชากันผีให้ เด็กชายทองมา เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง พอครบอายุ ๑๕ ปี โรงเรียนบ้านเชียงใหม่ เลยได้มาทาบทามให้ไปเป็นครูสอนที่โรงเรียน เพราะสมัยนนั้นครูหายากมาก ขาดแคลนครู นายทองมาเลยรับอาสาไปเป็นครูช่วยสอนเด็กนักเรียน ด้วยความเต็มใจ

หลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตั้งแต่เป็นสามเณร ตอนอายุได้เพียง ๑๖ ปี ท่านเป็นสามเณรที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างมาก ท่านเรียน สวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง และสวดมนต์ใหญ่ จนสำเร็จ สามเณรทองมาท่านมีความในสนใจอักขระธรรม หรือโตธรรม เป็นอย่างมาก เมื่อมีโอกาสท่านจะออกเดินทางไปเรียนมูลกัจจายน์ที่อุบลราชธนี ซึ่งเป็นเมืองที่มีการสอนธรรมะที่รุ่งเรืองมากในสมัยนั้น สามเณรทองมาเป็นสามเณรที่เคารพเชื่อฟังผู้เป็นครูบาอาจารย์อย่างยิ่ง จนเป็นที่เอ็นดูของอาจารย์และญาติโยมทั่วไป

ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๓ ครบอายุ ๒o ปีหลวงปู่ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดท่าม่วง ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พระครูสีลาจารวิสุทธ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควบคู่กับการปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว หลวงปู่ก็คิดว่าหากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริง ก็คงจะยากและใช้เวลานาน หลวงปู่จึงได้กราบลาขออนุญาติเจ้าอาวาส ออกเดินทางจาริกธุดงค์ ไปศึกษา ร่ำเรียนวิชา จากสำนักต่างๆ ทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างการเดินธุดงค์ หลวงปู่ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของพระอริยเจ้าอีกหลายรูป คือ "หลวงปู่มั่น ภูริทัติโต" ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว และได้เดินธุ์ดงค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ของ "สมเด็จลุน" แขวงจำปาศักดิ์ประเทศลาว อันเป็นบ้านเกิดของบิดามารดาของท่านเอง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับท่านก็ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของ"หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร" อีกด้วย

การเดิน ธุดงค์ ของหลวงปู่ไม่ได้ เดินธุดงค์ภายในประเทศเพียงเท่านั้น หลวงปู่ยังเดินธุงค์ไปทั่วทุกทิศ เช่น ในไทย ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศเขมร ประเทศเวียดนาม และที่สำคัญหลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปยังดินแดนพุทธภูมิ นั้นคือ ประเทศอินเดีย นั่นเอง
ในช่วงระหว่างการเดินธุดงค์ของหลวงปู่ไม่มีใครคอยติดตาม รายละเอียดต่างๆ เช่น เดินธุดงค์ไปไหนบ้าง เจออะไรบ้าง ฝากตัวเป็นศิษย์ของใคร หลวงปู่ก็จะไม่ค่อยเล่าให้ฟังมากนัก นอกจากจะมีคนมาถามอยากจะรู้ หลวงปู่ถึงเล่าให้ฟัง เพราะหลวงปู่เป็นพระที่พูดน้อย สุขม เยือกเย็น แต่น่าเกรงขาม

ในระหว่างการเดินธุดงค์หลวงปู่ได้ผจญ กับอันตรายต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายต่างๆนา เช่น เสือ งู และช้างป่า จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หลายครั้ง แต่ด้วยชีวิตอุทิศให้พระธรรมแล้วไซร์ ถ้าจะตายก็ขอให้เรา ตายเพื่อพระธรรม เถิด (หลวงปู่ปารภอยู่ตลอดการเดินทาง) ตลอดการเดินธุดงค์ของหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อย่างแท้จริง ชนิดที่เรียกว่า ไม่รู้ไม่เห็นไม่หลุดพ้น ก็จะไม่ยอมออกจากป่าเขาเลย หลวงปู่ทรงโปรด ผู้คนในป่าเขาเลาเนาไพร ให้หันมานับถือพระรัตนตรัย เทศนาสั่งสอนเทวามิจฉาทิฐิ โปรดภูตผี ปีสาจ วิญญาณสัมพเวสี ให้รู้แจ้งในธรรม...มากมาย โดยที่หลวงปู่มีเพียง"ธรรมาวุธ"
และจิตที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย อันเป็นสิ่งเดียวที่หลวงปู่ ยึดถือเอา

ธุดงค์อยู่ในป่า ก็หลายปีแล้ว หลวงปู่จึงตัดสินใจก็เดินทางกลับมาจำพรรษาที่ จังหวัดร้อยเอ็ด รวมเวลาที่หลวงปู่ ท่องเที่ยวธุดงค์ในวิเวก ป่าเขาลำเนาไพร ก็เป็นเวลาหลายปีเลยทีเดียว หลวงปู่ได้นำพาชาวบ้าน ในการพัฒนาวัดวาอาราม สร้างโบสถ์วิหาร เทศนาให้ชาวบ้านให้หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ห้ามนับถือผี สาง นางไม้ ช่วยผู้คนที่มีทุกข์ เช่น คนที่โดน ผีเจ้าเข้าสิง ผีบอป ผีกองกอย หลวงปู่โปรดพวกผีเหล่านี้โดยใช้ "ธรรมะ" รวมทั้งรักษาคนบ้า คนวิกลจริต ทั้งที่โดน คุณไสย์ มนต์ดำ หรือ บ้าเพราะความเครียด หลวงปู่ก็ช่วยพวกเขาเหล่านั้น ด้วยความเมตา ไม่เลือกคนรวยคนจน ไม่เลือกปฎิบัติ หลวงปู่มีความเมตตา ญาติโยมทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่แยกแยะว่าจะเป็นคนไกล้ชิดหรือเป็นญาติโยมที่เดินทางมาจากต่างถิ่นแดนไกล

ในบั้นปลายชีวิต ที่ท่านล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ร่างกายของหลวงปู่ในวัยชรานั้นอ่อนแรงมาก หลวงปู่ผอมมากไม่เหมือนเก่า จะลุกจะเดินเหินไปไหนก็ยากลำบาก บางครั้งท่านต้องนั่งรถเข็น และบางครั้งลูกหลานทั้งหลายต้องช่วยประคองพยุงกายช่วยท่านหลวงปู่ อยู่เสมอๆ และหลวงปู่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินเหินไปมา ทุกๆมื้อเพิ่นจะนั่งอยู่บนกุฏิไม้เก่าๆ คอยโปรดญาติโยมที่แวะเวียนมากราบนมัสการท่านอยู่เสมอๆ ซึ่งแวะเวียนกันมาจากคนละทิศ เหนือใต้ออกตก มาทุกมื้อไม่เว้นเลย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลวงปู่ของหมู่เฮา...เพิ่นก็ไม่เคยเบื่อ ไม่เคยบ่น ไม่เคยหนีไปไส คอยโปรดญาติโยม ที่เข้ามากราบนมัสการ อย่างนี้ทุกวัน สมกับที่เพิ่นเคยบอกไว้ว่าอยู่เสมอ "ว่าเพิ่นเป็นคนของชาวบ้าน" จริงๆ

"โพ่นล่ะหลังจากญาติโยมเมือกลับหมดแล้ว ตอนค่ำๆ ท่านจึงค่อยไปสรงน้ำทำกิจวัตรส่วนตัว ไหว้พระสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา และสุดท้ายท่านก็แผ่เมตตาให้ ลูกหลาน ลูกเผิ่งลูกเทียน แล้วจึงนอนพักผ่อน หลวงปู่ทองมา ถาวโรเป็น พระอริยเจ้า ที่น่าเคารพนับถือ ศรัทธา น่ากราบไหว้ อย่างยิ่ง สมควรแล้วที่ชาวบ้าน เรียกเพิ่นว่า พระนักบุญ "พระโพธิสัตว์มาโปรด"

หลวงปู่ทองมา ละสังขาร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๔ รวมอายุ ๙๑ ปี พรรษา ๗๑ / ๓ พรรษาสามเณร

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง...ลองดี เจอดี

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2517 นายบุญเรือน ประเสริฐสังข์ อาศัยอยู่บ้านเหล่าแขม ต.ท่าม่วง(สมัยนั้น) อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
ได้ตระกรุดร้อยแปดของหลวงพ่อทองมา ถาวโร ด้วยความคึกคะนอง จึงนึกอยากจะลองของ ขึ้นมาทันที เพียงด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ คิดว่าหลวงพ่อองค์นี้จะดีจริงตามคำล่ำลือของชาวบ้านจริงไหม จึงได้นำกระกรุดสายนี้ไปแขวนไว้ที่กิ่งไม้ แล้วใช้ปืนขนาด .38 ยิงใส่ในระยะ 3 เมตรเศษๆ ยิงเข้าใส่หลายนัดแต่ปืนก็ยิงไม่ออกซักที ด้วยความสงสัย จริงลองยิงขึ้นฟ้าไป 2 นัด ปืนก็ยิงออกทั้ง 2 นัด พอหันกระบอกปืนมายิงใส่กระกรุดอีกที ปืนก็ยิงไม่ออกอีกเช่นเคย จากนั้นเขาก็หยุดยิง และทึ่งในความอัศจรรย์ของตระกรุดของหลวงพ่อทองมาองค์นี้

แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่จบลงเพียงเท่านี้ ตกดึกเขาก็เกิดอาการชักหยิกชักงอ เหยียดแข้งเหยียดขาไม่ออก เหมือนคนจะเป็นง่อย ญาติไตร่ถามได้ความว่าตอนกลางวันเขาได้เอาตระกรุดของหลวงพ่อ
ทองมา ถาวโร ไปลองยิงเล่น ผู้เป็นแม่จึงรีบพามากราบขอขมา หลวงพ่อทองมา ถาวโรถึงที่วัด อาการจึงหายเป็นปรกติ และเป็นบทเรียนราคาแพงเลยทีเดียว คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ที่เขาพูดกันเป็นอย่างนี้นี่เอง ฯ

----------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/LuangpuThongmaTawaro101

หลวงปู่ทองมาหายตัวมา แน่ แน่ !!!

หลวงปู่หายตัวมา แน่ แน่ !!!

ครั้นนั้นญาติโยม ที่อยู่บ้านวังยาว วังเจริญ ต.พลับพลา จ.ร้อยเอ็ด ได้มานิมนต์หลวงปู่ ทองมา ถาวโร ให้ไปทำพิธีมงคลสะเดาะเคราะห์ ที่ศาลากลางหมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านนี้จะอยู่ห่างจากบ้านท่าสี หรือวัดหลวงปู่ ประมาณ 3 กิโลเมตร และจะมีแม่น้ำชีกั้นกลางระหว่างทางไปหมู่บ้าน ซึ่งสมัยนั้นก็ยังไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำชี เมื่อชาวบ้านมานิมนต์ หลวงปู่ก็บอกว่า "พวกเจ้าไปก่อน เอาจัวจันทร์ไปด้วย " (จัว หมายถึง สามเณร) เดี๋ยวเราจะตามไปทีหลัง เพราะติดธุระนิดนึง พวกทายกบ้านวังยาวก็พากันกลับพอถึงท่าน้ำก็พายเรือข้ามแบบจ้ำเอาๆ ครั้นถึงฝั่ง ก็ป่าวประกาศบอกชาวบ้านให้เตรียมตัวว่าหลวงปู่กำลังจะตามมาแล้วให้รีบเตรียมตัว แล้วมารวมกันที่ศาลากลางหมู่บ้าน แต่พอไปถึงศาลากลางบ้าน ทั้งทายกและจัวจันทร์ก็ถึงกับ อ้าปาก ตาค้าง เมื่อเห็นหลวงปู่นั่ง บริกรรมคาถา มีญาติโยมนั่งเต็มศาลาเพียบพร้อม เหมือนกับว่าหลวงปู่มาถึงนานแล้ว หลวงปู่จึงพูดขึ้นว่า "พวกเจ้าหลงทางหรือจัวจันทร์ ทำไมถึงมาช้ากันนักล่ะ" คณะที่ไปนิมนต์และจัวจันทร์ ยืนยันว่า พวกกระผมไม่ได้หลงทาง จะหลงได้อย่างไร ให้หลับตามายังมาถูกเลย "หลวงปู่ คงหายตัวมา แน่ๆ"

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หลวงปู่ทองมา แสดงอภินิหารย์ หลังจากถูกทหารจับไปขังไว้ในถ้ำ !

เอาหลวงปู่ไปขัง เป็นไงล่ะ !

ช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง ช่วงที่เรียกว่า ยุคมีคอมมิวนิสต์ มีคนเล่าว่า หลวงปู่เคยถูกทหารจับไปขังไว้ เพราะเข้าใจว่า หลวงปู่เป็นคอมมิวนิสต์หรือพวกที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐตอนนั้น มีผู้คนส่วนหนึ่งที่ปลอมตัวมาบวชเพื่อหลบหนีการจับกุมของทหาร เมื่อเห็นหลวงปู่ธุดงค์ป่ามา ก็เข้าใจผิดว่าหลวงปู่คงจะพวกที่หนีมาบวช หลวงปู่ท่านก็พยายามอธิบายเหตุผลต่างๆนานา ให้ฟังแต่ก็ไม่มีใครเชื่อหลวงปู่เลย จนในที่สุดหลวงปู่ก็โดนจับเอาไปขังไว้ในที่คุมขัง เล่าว่าขังไว้ในถ้ำ หรือ กระท่อมสักอย่าง ล็อคประตูอย่างแน่นหนา เพื่อรอการสอบสวน หลวงปู่โดนขังทั้งคืน เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ทหารเข้าไปดูหลวงปู่อีกที ปรากฏว่าหลวงปู่หายไปไหนไม่รู้ พวกทหารต่างคิดว่าหลวงปู่คงจะหลบหนีไปแล้ว แต่พอถึงช่วงสายๆหลวงปู่ท่านก็เดินกลับมา และบอกพวกทหารเหล่านั้นว่า เราแค่เพียงออกไปบิณฑบาตรเท่านั้น
ไม่ได้คิดที่จะหลบหนีแต่อย่างใด สร้างความอัศจรรย์ใจกับทหารผู้คุมขัง เป็นอย่างยิ่งจนต้องกราบขอขมาหลวงปู่ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา บรรดาพวกทหารต่างก็พากันมาขอของดี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นเครื่องป้องกันให้ปลอดภัยแคล้วคลาดกับหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ท่านก็เทศนาให้ฟังแล้วท่านก็เดินธุดงค์ต่อไป ฯ

สาธุการหลวงปู่ทองมา ถาวโร

https://www.facebook.com/LuangpuThongmaTawaro101